• กลุ่มข่าว : สังคมและคุณภาพชีวิต

  • นายกฯ สั่งทุกกระทรวง บูรณการใช้มาตรการรับมือแก้ปัญหา PM2.5
    ผู้โพสต์ : [สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรทั่วไป
    วันที่ 31 ต.ค. 2567 (15:07 น.)

    (29 ต.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าจะต้องดำเนินการอะไรเพราะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว รวมไปถึงปัญหาภาคการเกษตรว่าจะมีมาตรการอย่างไรบ้าง เช่น ไม่รับซื้อข้าวโพด อ้อย จากการเผาทั้งในและต่างประเทศ ส่วนภาคอุตสาหกรรมให้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวง

    ต่าง ๆ เช่น กระทรวงคมนาคม ให้ตรวจจับรถยนต์เข้มงวดมากยิ่งขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ออกมาตรการควบคุมโรงงานที่รัดกุมมากขึ้น

    ทส. เร่งกำหนดมาตรการบูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่า - PM2.5

    (16 ต.ค. 67) การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 2/2567 มีการกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดำเนินงาน 4 นโยบายหลัก ได้แก่

    1. การดำเนินงานด้านสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    2. การเร่งรัดแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

    3. การแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ขยะมูลฝอย ภายหลังการเกิดอุทกภัย

    4. สนับสนุนการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนความสมดุลทางสิ่งแวดล้อม

    ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบวาระที่สำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่

    1) หลักการสัญญารับเงินอุดหนุน (Grant Agreement) ภายใต้โครงการ Thai - German Cooperation on Energy, Mobility, and Climate (TGC EMC) จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน 234 ล้านบาท โดยเป็นเงินอุดหนุนเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม 150 ล้านบาท

    2) โครงการพัฒนาต้นแบบชุมชนคาร์บอนต่ำ เพื่อสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับพื้นที่ด้วยภาคประชาชน

    3) มาตรการควบคุมและกำกับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมที่รับดำเนินการของเสียอันตรายและโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อประชาชน

    4) มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ประกอบด้วย มาตรการจัดการไฟในพื้นที่เกษตร การควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง การจัดการหมอกควันข้ามแดน และการตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค และศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ระดับจังหวัด

    มาตรการรับมือสถานการณ์ PM2.5 ปี 68

    กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำ “มาตรการรับมือสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568” จะขับเคลื่อนผ่านกลไกการบริหารจัดการ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับชาติ ระดับภาคหรือข้ามเขตป่าหรือเขตปกครอง และระดับจังหวัด โดยปฏิบัติการมีดังนี้

    • ระยะเตรียมการ จัดทำแผนที่เสี่ยงการเผา Risk Map แผนปฏิบัติการจัดการไฟป่าตามห้วงเวลา แผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ข้อมูลพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกเสี่ยงเผาและข้อมูลเกษตรกรรายจังหวัด

    • การจัดการไฟในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ โดยตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด/จุดเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง ชุดดับไฟป่า บริหารจัดการเชื้อเพลิง ประกาศจำกัดการเข้าพื้นที่ป่าและพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยง การใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชุมชนโดยไม่เผา รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรมในที่ดินของรัฐ และมุ่งเน้นการเปลี่ยนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว

    • การจัดการไฟในพื้นที่เกษตร โดยประกาศขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่จำเป็นต้องใช้ไฟและบริหารจัดการไฟในพื้นที่เกษตรเท่าที่จำเป็นและมีการควบคุม ควบคุมอ้อยไฟไหม้เข้าโรงงาน หากฝ่าฝืนถูกบังคับใช้กฎหมาย ตัดสิทธิความช่วยเหลือจากภาครัฐ ไม่ให้สิทธิหรือเพิกถอนสิทธิ ส.ป.ก./นิคมสหกรณ์ กับเกษตรกรที่ไม่ร่วมมือ รวมถึงช่วยเหลือเกษตรกรปรับรูปแบบการผลิต และออกมาตรการสิทธิและประโยชน์ให้เกษตรกร ที่ไม่เผา

    • การควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง ออกประกาศห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าเขตเมืองช่วงวิกฤต สนับสนุนการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ มีนโยบายปรับลดอัตราค่าโดยสารรถสาธารณะ เร่งรัดเปลี่ยนรถ ขสมก. เป็นรถไฟฟ้า ตรวจจับรถยนต์ควันดำ รถบรรทุก พื้นที่ก่อสร้าง ผู้ทำผิดวินัยจราจร โดยปรับสูงสุด ตรวจบังคับใช้กฎหมายโรงงานและสถานประกอบกิจการอย่างเข้มงวด ควบคุม/จับกุม ผู้ลักลอบเผาในเขตชุมชนและริมทาง

    • การจัดการหมอกควันข้ามแดน ส่งเสริมการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรแบบไม่เผา จัดการหารือระดับรัฐมนตรีก่อนเริ่มฤดูหมอกควัน ตั้งศูนย์ข้อมูลและศูนย์บัญชาการเฝ้าระวัง ควบคุมและดับไฟ ในประเทศเพื่อนบ้าน

    • การบริหารจัดการภาพรวม จะเร่งรัดการของบกลางสนับสนุน ให้สิทธิประโยชน์กับภาคเอกชน ยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย ประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ PM2.5 มีนโยบายการ Work From Home ดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น ยกระดับการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ทั้งระดับประเทศ ระดับจังหวัด พื้นที่เสี่ยงและช่วงเวลาวิกฤต

    กำหนดเป้าหมายลดพื้นที่เสี่ยง

    • ลดพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่ป่า ร้อยละ 25

    • บริหารจัดการพื้นที่ป่าแปลงใหญ่รอยต่อไฟ 14 กลุ่มป่า (Cluster) ด้วยกลไกข้ามเขตป่าข้ามเขตปกครอง

    • ลดการเผาไหม้ในพื้นที่เกษตรและพืชเป้าหมาย ร้อยละ 10 – 30

    • ควบคุมฝุ่นจากยานพาหนะและโรงงานในพื้นที่เมือง ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย/กฎระเบียบ ร้อยละ 100

    • ตั้งเป้าลดค่าเฉลี่ย PM2.5 ลงร้อยละ 5 – 15

    • ควบคุมค่าเฉลี่ย PM2.5 24 ชั่วโมงสูงสุดไม่เกินค่าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และลดจำนวนวันที่ฝุ่นละออง เกินมาตรฐานลงร้อยละ 5 – 10

    สำหรับการเตรียมรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันบูรณาการดำเนินงานตามมาตรการ โดยเฉพาะการควบคุมปริมาณการระบายฝุ่นจากยานพาหนะ อุตสาหกรรม การเผาในพื้นที่ชุมชนและริมทาง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด ที่สำคัญ ทั้งในมิติการส่งเสริมและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงเตรียมพร้อมมาตรการด้านสาธารณสุข การ Work From Home การสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งเตือนให้กับพี่น้องประชาชน และขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Air4thai