• กลุ่มข่าว : การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

  • จังหวัดยโสธร จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรย้อนยุค วิถีถิ่น วิถีไทย ถนนคนเดินยโสธร เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า
    ผู้โพสต์ : [สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยโสธรทั่วไป
    วันที่ 31 พ.ค. 2567 (11:04 น.)

    ???? สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยโสธร ร่วมกับเทศบาลเมืองยโสธร สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยโสธร สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร พร้อมด้วยส่วนราชการ จัดกิจกรรมตักบาตรย้อนยุค วิถีถิ่น วิถีไทย ถนนคนเดินยโสธร เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ ถนนคนเดินยโสธร เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร โดยมี นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานในกิจกรรม พร้อมด้วย นายบรรลือ สัมฤทธิ์จินตนา ปลัดจังหวัดยโสธร นางจันทรพรรณ สัมฤทธิ์จินตนา รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร นางสาววาสนา ไชยพรรณา วัฒนธรรมจังหวัดยโสธร หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน พุทธศาสนิกชน ร่วมตักบาตร โดยมีพระภิกษุ/สามเณรออกรับบิณฑบาตจำนวน ๑๗ รูป มีส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร และพุทธศาสนิกชน ร่วมตักบาตร จำนวน ๑๑๓ คน รวมมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ๑๓๐ รูป/คน 

           ???? โอกาสนี้ พระครูอนุรักษ์วรดิตถ์ รองเจ้าคณะจังหวัดยโสธร เจ้าอาวาสวัดสิงห์ท่า ประธานฝ่ายสงฆ์ได้กล่าวสัมโมทนียกถาแก่พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมทำบุญตักบาตรว่า เมื่อเจ็ดวันที่ผ่านมาเป็นวันคล้ายวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประสูติ ตรัสรู้ และดับขันธปรินิพพานในวันเพ็ญเดือนหก ที่เราทราบกันว่าเป็นวันวิสาขบูชา “วันวิสาขบูชา” เป็นวันที่มีความสำคัญยิ่งกับทางพระพุทธศาสนา และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญ วันนี้เป็นวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ถัดจากวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพาน ก็ได้มีการบำเพ็ญกุศลสร้างศพของพระองค์ให้สาธุชนได้ศรัทธาสักการะอยู่เป็นเวลา ๗ วัน พอถึงวันที่ ๘ ก็คือ เป็นวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ คืนคล้ายกับวันนี้ ก็ได้เคลื่อนพระบรมศพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะทำการประกอบพิธีถวายพระเพลิง วันนี้เป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระบรมศพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเรียกวันนี้ว่าเป็น “วันอัฏฐมีบูชา” คือเป็นวันบูชาระลึกนึกถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คล้ายวันที่เป็นการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระองค์ ซึ่งเราจะย้อนไปปัจฉิมโอวาทของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ตรัสเป็นปัจฉิมโอวาทคือวาระสุดท้ายก่อนที่จะดับขันธปรินิพพาน “หนฺท ทานิ ภิกฺขเว อามนฺตยามิ โว วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตขอเตือนท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปและมีความเคลื่อนไปเป็นธรรมดา ขอท่านทั้งหลายจงมีเป็นผู้เป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด นี่ก็คือเป็นปัจฉิมโอวาท ปัจฉิมวาจาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสหลังจากนั้นพระองค์ไม่ได้ตรัสอะไรอีกเลยก่อนเข้าสู่การดับขันธปรินิพพาน เราได้เห็นสัจธรรมในวาจาที่พระองค์ได้ตรัสเตือนเราแล้ว สิ่งที่พระองค์ได้ตรัสเทศนาตั้งแต่วันที่พระองค์ได้ตรัสรู้มา ตั้งแต่เริ่มประกาศพระศาสนาที่พระองค์ได้ยกขึ้นมาบอกว่าได้บรรลุอริยสัจ ๔ นั้นก็คือ พระองค์ได้ยกเอาธรรมทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ขึ้นมาพิจารณา โดยรวมแล้วธรรมทั้งหลายทั้งปวงมีลักษณะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์โลกชนิดใด ๆ เป็นมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน แม้แต่ภูเขา ต้นไม้ แม่น้ำ ก็ตกอยู่ในภาวะสัจธรรมข้อนี้เหมือนกัน นั้นก็คือ อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดแล้วก็ไม่ได้ตั้งอยู่อย่างนั้นเสมอไป แปรเปลี่ยน แปรปรวนไป เปลี่ยนสภาพจากสภาวะหนึ่งไปสู่อีกสภาวะหนึ่ง แทบจะเรียกกันว่าแปรเปลี่ยนไปทุก ๆ ลมหายใจของทุกคนทั้งสิ้นด้วยกัน ร่างกายของเราทุกคนนั้น ถ้าหากว่าเราจะพิจารณาให้เห็น มันตกอยู่ในสภาวะของความไม่เที่ยง ก็คือแปรเปลี่ยน แปรปรวนแทบจะทุก ๆ วัน  จากวันนี้ก็เป็นอีกสภาวะหนึ่ง พอวันพรุ่งนี้ก็เป็นอีกสภาวะหนึ่ง ดังนั้น พระองค์จึงพิจารณาให้เห็นอย่างประจักษ์ชัดให้เห็นว่าของทุกอย่างนั้นไม่จีรังยั่งยืน เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง พอไม่เที่ยงแล้วเกิดการแปรเปลี่ยนแปรปรวนของสภาวะ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของสัตว์โลก หรือไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ถ้าแปรเปลี่ยน แปรปรวนไปแล้ว ซึ่งจะเป็นเหตุนำมาซึ่งความทุกข์ ร่างกายของเราทุกคนถ้าแปรเปลี่ยนสู่อีกสภาพหนึ่ง แปรเปลี่ยนสู่เสื่อม คือ อายุมันก็เสื่อม ร่างกายที่ใช้งานไปมันก็เริ่มเสื่อมลงไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าพิจารณาจากเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ มันก็เสื่อมทุกวัน ๆ เอามาใช้วันนี้ถูกเหงื่อไคลนำไปซักมันก็เริ่มแปรสภาพ จากที่ดีก็ค่อย ๆ เสื่อมไป ๆ  เพราะฉะนั้น การเสื่อมไปทุกสภาพร่างกายมันนำความทุกข์มาให้ ทุกที่เกิดขึ้นกับสภาพร่างกาย ถ้าหากว่าธรรมชาติมันแปรเปลี่ยน อย่างในปัจจุบันเราจะพูดกันว่า พอธรรมชาติแปรปรวนมันก็เป็นเหตุนำความทุกข์มาให้ ร้อนมากบ้าง หนาวมากบ้าง น้ำท่วมมากบ้าง น้ำแล้งมากบ้าง หรืออะไรต่อมิอะไร พอสภาพมันแปรเปลี่ยนแปรปรวนมันนำความทุกข์มาให้ทั้งนั้น ทุกข์ให้กับธรรมชาติ ทุกข์ให้กับตัวของสัตว์โลกผู้อาศัยโลกนี้อยู่ ดังนั้น ท่านจึงกล่าวว่าถ้ามันมีการแปรปรวนมันก็เป็นทุกข์ และมันเป็นเช่นนั้น เพราะมันเป็นอนัตตา ก็คือไม่สามารถที่จะไปบังคับ ไม่สามารถที่จะไปกำหนดกฎเกณฑ์ว่า สิ่งนั้นควรจะเป็นอย่างนั้น สิ่งนี้ควรจะเป็นอย่างนี้  ไม่มีใครที่จะไปบังคับกฎเกณฑ์ที่มันเป็นไปเคลื่อนไหวไปได้เลย เป็นไปตามนั้น ดังนั้น ท่านจึงกล่าวว่าเป็นอนัตตา ร่างกายของเราก็ดี สภาวะรอบข้าง สภาวะอะไรต่าง ๆ ก็ดี  เราไม่สามารถที่จะไปบังคับเขาให้เป็นตามที่เราต้องการได้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสกับพระภิกษุ ตอนที่พระองค์ทรงประชวรหนักก่อนที่จะดับขันธปรินิพพาน ภิกษุเข้าไปกราบพระพุทธองค์ก็ได้บอกกับพระพุทธองค์ว่า ข้าพระองค์ท่านทั้งหลายมีความทุกข์มากที่พระองค์ประชวร ถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากจะประชวรแทนพระองค์ พระองค์จึงได้ตรัสว่า พระภิกษุทั้งหลาย เธอจะมาผูกพันอะไรกับอัตภาพร่างกาย แม้แต่สภาพร่างกายของตถาคตและสภาพร่างกายของเธอก็ไม่แตกต่างกันเพราะมันมีการเสื่อม มีการผูกพันทางการย่อยไปเป็นปกตินั้นแหละ สิ่งที่เธอควรจะใส่ใจก็คือการประพฤติ ปฏิบัติตน พยายามทำตนให้พ้นจากทุกขเวทสังขารนั้น เป็นสิ่งที่เธอควรจะไปยึด อัตภาพร่างกายนั้นแม้จะทำอย่างไรมันก็ผุพังไปไม่มีใครห้ามปรามได้เลย อย่ามายึดติดกับสภาพร่างกายของอตถาคต ธรรมต่างหากที่ท่านทั้งหลายควรยึดปฏิบัติ ดังนั้น หลังจากวันนี้ที่พระพุทธองค์ทรงได้ดับขันธปรินิพพานแล้ว แม้แต่สรีระของพระพุทธองค์ยังคงจะต้องแตกไป ย่อยไป สลายไป แม้พระองค์ จะดับเสียซึ่งกิเลสแต่ว่าพระองค์ก็ไม่สามารถบังคับร่างกายให้อยู่ได้ นี่คือที่ท่านทั้งหลายควรระลึกนึกถึง ในวันอัฏฐมีบูชา คือวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงระลึกนึกถึงสัจธรรมคำสอนที่พระองค์ทรงได้ตรัสไว้ และประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนที่พระองค์ปฏิบัติไว้ โอกาสที่เราทั้งหลายจะพ้นจากทุกข์ในวัฏสงสารก็จะอยู่ไม่ไกล

           ???? ในเช้าวันนี้ ทุกท่านได้ร่วมกันทำบุญบำเพ็ญกุศล ในตามวาระของทุกวันพฤหัสบดี และวันนี้ตรงกับอัฏฐมีบูชา ถือว่าได้บำเพ็ญกุศลในโอกาสทั้ง ๒ - ๓ ประการด้วยกัน ขออำนาจบุญกุศลที่เกิดขึ้นจงได้ส่งผล ดลบันดาล อำนวยพรให้ทุกท่านให้ประสพแต่ความสุขความเจริญ อยู่ดี มีสุข ปราศจากเสียซึ่งทุกข์ ปราศจากเสียซึ่งโศก ปราศจากเสียซึ่งโรคและภัยนานาประการ ขอให้ทุก ๆ ท่านได้รับความสุขกาย สุขใจ อยู่ดี มีสุข ปรารถนาสิ่งใด ๆ ขอให้สิ่งที่ปรารถนานั้น จงได้สัมฤทธิ์ผลิผลดังที่ตนได้ปรารถนาทุกประการ ทุก ๆ ท่านเทอญ

           ???????? ทั้งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมได้แต่งกายด้วยชุดผ้าไทย เพื่อเป็นการรณรงค์ สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม ????????